ทำเบียร์ง่ายๆ ด้วย Liquid Malt Extract
สวัสดีเพื่อนๆ นักทำเบียร์มือใหม่ทุกคน วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆ มาฝากกันครับ นั่นก็คือการใช้ Liquid Malt Extract หรือ LME ในการทำเบียร์นั่นเอง หลายคนอาจจะสงสัยว่า LME คืออะไร และมันช่วยให้การทำเบียร์ง่ายขึ้นได้อย่างไร เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันเลยครับ
Liquid Malt Extract คือส่วนผสมหลักในการทำเบียร์ที่ได้จากการสกัดมอลต์ (Malt) ซึ่งเป็นข้าวบาร์เลย์ที่ผ่านกระบวนการงอกและอบแห้ง จากนั้นจึงนำมาสกัดเอาสารอาหารและน้ำตาลที่มีอยู่ในเมล็ดข้าวออกมา ได้เป็นของเหลวเข้มข้น มีลักษณะคล้ายน้ำเชื่อมสีน้ำตาลเข้ม และมีกลิ่นหอมของมอลต์
การใช้ LME ในการทำเบียร์มีข้อดีหลายประการ ได้แก่
- สะดวกและประหยัดเวลา – แทนที่จะต้องนำมอลต์มาบดและต้มสกัด ซึ่งต้องใช้เวลานาน การใช้ LME ช่วยข้ามขั้นตอนเหล่านี้ไปได้เลย เพียงแค่เทลงในน้ำร้อน คนให้เข้ากัน ก็พร้อมนำไปหมักต่อได้ทันที
- ใช้พื้นที่น้อยกว่า – การสกัดมอลต์เองต้องใช้อุปกรณ์และพื้นที่ค่อนข้างมาก แต่การใช้ LME ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องบดมอลต์และหม้อต้มขนาดใหญ่ จึงสามารถทำได้แม้ในพื้นที่จำกัด เช่น ในครัวที่บ้านหรือคอนโด
- คุณภาพคงที่ – LME ผลิตโดยผู้เชี่ยวชาญ มีการควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดี น้ำตาลและสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วน ส่งผลให้เบียร์ที่ได้มีรสชาติที่ดีและคงที่ในทุกแบทช์ (Batch) ที่ทำ
- หลากหลายสูตร – LME มีให้เลือกหลายสูตร ตั้งแต่สูตรพื้นฐานอย่าง Pale Ale ไปจนถึงสูตรพิเศษเฉพาะ เช่น Wheat, Stout, Porter ฯลฯ ช่วยให้นักทำเบียร์มือใหม่สามารถลองทำเบียร์ได้หลากหลายแนวตามที่ชื่นชอบ
- ราคาไม่แพง – เมื่อเทียบกับเวลาที่เสียไปกับการซื้อมอลต์มาสกัดเอง การใช้ LME ถือว่ามีราคาไม่แพงและคุ้มค่ามาก โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่อยากลงทุนซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ในราคาสูง
ขั้นตอนการทำเบียร์ด้วย Liquid Malt Extract โดยทั่วไปมีดังนี้ครับ
- ต้มน้ำให้เดือด ใส่ LME ลงไปคนให้ละลายเข้ากัน
- ใส่ฮอพ (Hops) ที่จะให้กลิ่นและรสชาติ ต้มต่ออีกประมาณ 60 นาที
- ทำให้ Wort เย็นลงที่อุณหภูมิห้องอย่างรวดเร็ว(อาจแช่หม้อต้มในถังน้ำแข็ง) จากนั้นรินเอาเฉพาะส่วนใสเทลงในถังหมัก
- ใส่ยีสต์ (Yeast) ลงในถังหมัก ปิดฝาให้สนิทและใส่ Air lock เก็บไว้ในที่มืด อุณหภูมิประมาณ 18-22C สำหรับ เบียร์ ale และ 12-15C สำหรับ เบียร์ Lager
- ให้ยีสต์ทำงานหมักเป็นแอลกอฮอล์ ใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์
- เมื่อครบกำหนด ก็สามารถนำเบียร์ไปทำให้ซ่าด้วยการบรรจุขวด หรือถังเก็บ แล้วนำไปแช่เย็นรอดื่มได้เลยครับ
จะเห็นว่ากระบวนการทำเบียร์โดยใช้ LME ไม่ยุ่งยากเลย เพียงไม่กี่ขั้นตอนก็ได้เบียร์ดื่มกับพรรคพวกที่บ้านแล้ว ส่วนรสชาติเบียร์ที่ออกมาจะดีหรือไม่ดีคงต้องอยู่ที่ประสบการณ์ของบริวเวอร์ร่วมด้วย เหมาะมากสำหรับนักทำเบียร์มือใหม่ที่กำลังมองหาวิธีเริ่มต้นง่ายๆ หรือใครที่มีเวลาไม่มากแต่อยากลองทำเบียร์ดูบ้าง
อย่างไรก็ตาม การใช้ LME ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น หากต้องการปรับแต่งสูตรเพิ่มเติม หรือทดลองใช้ส่วนผสมพิเศษ อาจทำได้ไม่มากนัก เพราะสูตร LME ส่วนใหญ่จะมีสัดส่วนที่กำหนดไว้แล้ว การแก้ไขสูตรอาจส่งผลต่อรสชาติและคุณภาพของเบียร์ได้
นอกจากนี้ LME ยังมีอายุการเก็บรักษาที่จำกัดกว่ามอลต์แบบ All grain(เมล็ด) ซึ่งเก็บได้นานหลายปี ดังนั้นเวลาซื้อ LME มาใช้งาน อย่าลืมดูวันผลิตและวันหมดอายุให้ดีด้วยนะครับ เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่ยังสดใหม่ รสชาติยังคงเดิม
สุดท้ายนี้ หวังว่าเพื่อนๆ จะได้ทำความรู้จักกับ Liquid Malt Extract กันมากขึ้น และอยากลองนำมาทำเบียร์ดูบ้าง รับรองว่าสนุกและได้เบียร์รสชาติดีมาดื่มอย่างแน่นอน ถ้ามีอะไรสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ยินดีให้คำปรึกษาเสมอครับ